วันอังคารที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2556

Search Directories คืออะไร จงอธิบายและยกตัวอย่างการใช้งาน

       คู่มือการใช้งาน Basic Search

Basic Search
คือ ???  เครื่องมือหรือโปรแกรม (Search Engine) ที่ช่วยเหลือในการสืบค้นข้อมูลสารสนเทศผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตและอินทราเน็ต สามารถสืบค้นได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยใช้ระบบการสืบค้นข้อมูลจากทุกคำของข้อมูลจริง (Full Text Search) และสนับสนุนการสืบค้นโดยกำหนดเงื่อนไขบูลีนอย่างง่าย
เริ่มต้นเข้าสู่ระบบการสืบค้นข้อมูล Basic Search
ก่อนเริ่มการใช้งาน Basic Search ผู้ใช้งานควรทำความรู้จักกับเครื่องมือของ Basic Search กันก่อน

      
ส่วนประกอบต่างของ Basic Search
 1.ช่องเติมคำที่ต้องการค้นหา (Search Box) : สำหรับเติมคำสำคัญ (Keywords) ที่ท่านต้องการค้นหา
 

 2.ปุ่มค้นหา (Search Button) : เริ่มทำการค้นหาข้อมูลจากคำสำคัญที่ผู้ใช้กำหนดไว้ในช่องเติมคำที่ต้องการค้นหา
 3. คู่มือแนะนำการใช้งาน Basic Search : คู่มือแนะนำการใช้งาน Basic Search ซึ่งหมายถึงหน้านี้นั่นเอง
 4. ค้นหาในหมวดหมู่อื่นๆ : ผู้ใช้สามารถเลือกให้ Basic Search ทำการค้นหาเฉพาะหมวดหมู่
ที่สนใจก็ได้
วิธีการใช้งาน Basic Search

ผู้ใช้ Basic Search สามารถเริ่มต้นสืบค้นข้อมูลได้ โดยทำตามขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
  • พิมพ์คำสำคัญ (Keywords) ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลที่ผู้ใช้ต้องการค้นหา ลงในช่องเติมคำที่ต้องการค้นหา (Search Box) โดย คำสำคัญผู้ใช้งานสามารถพิมพ์ได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
  • กดปุ่ม Search เพื่อเริ่มต้นการค้นหา Basic Search จะทำการประมวลผล และจะแสดงผลลัพธ์ของการค้นหา ออกมาตามรูปภาพ ดังที่ได้แสดงไว้ข้างล่างนี้








การแสดงผลลัพธ์การค้นหา

ผลลัพธ์ที่ Basic Search แสดงออกมา ประกอบด้วย


1.
แถบแสดงผลด้านบน (Top Status Bar) : แสดงจำนวนผลลัพธ์ของหน้าเอกสารที่ค้นพบและตำแหน่งหน้าที่กำลังแสดงผล และสามารถ click เข้าไปดูหน้าที่อื่นที่ต้องการได้ห
2. หัวเรื่อง (Title) : แสดงชื่อหัวเรื่องของข้อมูล ผู้ใช้สามารถ เข้าไปดูรายละเอียดของข้อมูลจริงได้ โดยการ click ที่หัวเรื่อง
3. รายละเอียด (Description) : แสดงรายละเอียดของข้อมูลอย่างคร่าวๆ โดยในรายละเอียดนี้ จะเน้นคำสำคัญด้วยตัวอักษรสี เพื่อให้สะดุดตา และ ถ้ารายละเอียดใดแสดงด้วยเครื่องหมาย "..." หมายถึง รายละเอียดของข้อมูลได้ถูกตัดทอนมา เพื่อแสดงเฉพาะส่วนที่เป็นคำสำคัญ การแสดงผลจะแบ่งเป็นหัวข้อ ตามนี้คือ ชื่อหัวเรื่อง,ข้อกฎหมาย,เลขที่หนังสือ และ วันที่
4. แถบแสดงผลด้านล่าง (Lower Status Bar) : แสดงเพียงตำแหน่งของหน้าที่ผู้ใช้อยู่ และ ปุ่ม click ไปดูหน้าถัดไป

นอก จากนี้ Basic Search ยังสนับสนุนการสืบค้นข้อมูลแบบกำหนดเงื่อนไขบูลีนอย่างง่ายๆ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งานที่ต้องการข้อมูลที่เฉพาะเจาะจง และตรงความต้องการของผู้ใช้มากที่สุด โดยเงื่อนไขบูลีนที่ Basic Search สนับสนุนมีดังต่อไปนี้

  • เครื่องหมายบวก "+" : ใช้ระบุว่า เอกสารที่ต้องการสืบค้น ต้องปรากฏ คำสำคัญ(ที่ตามหลังเครื่องหมายบวกนี้) อยู่ในเอกสาร เป็นการให้ความสำคัญกับคำสำคัญนั้น ว่าจะต้องปรากฎในเอกสาร(ในภาษาทางตรรกศาสตร์ หมายถึง and นั่นเอง) เช่น ผู้ใช้ต้องการเอกสารที่มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและสรรพากร โดยถือว่าเอกสารที่ค้นพบจะต้องปรากฎทั้งสองคำนี้ ผู้ใช้ต้องระบุคำสำคัญในช่อง search ดังนี้ +ธุรกิจ +สรรพากร

    ตัวอย่างที่ 1
      
    ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นเอกสารที่ปรากฎทั้งคำว่า ธุรกิจ และ สรรพากร อยู่ในหน้าเอกสารเดียวกัน
    แต่ถ้าหากผู้ใช้ ระบุคำสำคัญดังนี้ +ธุรกิจ สรรพากร (สังเกตุว่า หน้า สรรพากร ไม่มีเครื่องหมายบวกกำกับ) หมายถึง ผู้ใช้ให้ความสำคัญกับคำว่า
    ธุรกิจ มากกว่า คำว่า สรรพากร นั่นคือ เอกสารที่ค้นพบจะต้องปรากฏ คำว่า ธุรกิจ ส่วน สรรพากร(ซึ่งไม่มีเครื่องหมายบวกกำกับ)
    จะปรากฎหรือไม่ปรากฎในเอกสาร ก็ได้

    ตัวอย่างที่ 2
      
    ลองสังเกตุจำนวนเอกสารที่ค้นพบเปรียบเทียบระหว่างตัวย่างที่หนึ่งกับตัวอย่างที่สอง ปรากฎว่า จนวนเอกสารในตัวอย่างที่หนึ่งน้อยกว่าในตัวอย่างที่สอง เพราะว่าตัวอย่างที่สองรวมเอาเอกสารที่ปรากฎคำว่า ธุรกิจแต่ไม่มีคำว่า สรรพากร รวมอยู่ด้วย

    ตัวอย่างที่ 3
      
    ยิ่งระบุคำสำคัญมากขึ้น จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่เจาะจงมากยิ่งขึ้น ดังนี้ +ธุรกิจ +สรรพากร +ดอกเบี้ย +นิติบุคคล
  • เครื่องหมายลบ "-" : ใช้ระบุว่า เอกสารที่ต้องการสืบค้น ไม่ต้องการ ปรากฏคำสำคัญ(ที่ตามหลังเครื่องหมายลบนี้) อยู่ในเอกสาร (ในภาษาทางตรรกศาสตร์ หมายถึง not นั่นเอง) ยกตัวอย่างเช่น +ธุรกิจ +สรรพากร -งาน -อสังหาริมทรัพย์

    ตัวอย่างที่ 4
      
    หมายถึงการระบุให้หาเอกสารที่ปรากฎคำว่า ธุรกิจ และ สรรพากร ในหน้าเอกสาร แต่จะต้องไม่มีคำว่า งาน และ อสังหาริมทรัพย์ ปรากฎอยู่
  • เครื่องหมาย" " : ใช้คร่อมคำสำคัญที่ป็นคำวลีที่มีช่องว่างระหว่างคำ หรือ เพื่อให้ปรากฎเอกสารที่มีรูปแบบ (pattern) ตามรูปแบบที่นั้นจริงๆ เช่น
    ผู้ใช้ค้นหาคำว่า
    "กฎกระทรวง ฉบับที่ 209 "

    ตัวอย่างที่ 5
      
    ลองสังเกตุผลที่แตกต่างจากการไม่ใช้ เครื่องหมาย " "

    ตัวอย่างที่ 6
      
หมายเหตุ : การใช้เงื่อนไขบูลีนอย่างง่าย มีข้อที่ควรระมัดระวังดังนี้
1.การใช้สัญลักษณ์เครื่องหมาย บวก ("+") หรือ เครื่องหมาย ลบ ("-") ผู้ใช้จำเป็นต้องเขียนนำหน้าคำสำคัญ และ วางไว้ชิดคำสำคัญเสมอ ยกตัวอย่างเช่น
+ภาษี -ธุรกิจ ,-นิติบุคคล ซ้ำซ้อน,+ธุรกิจ +สรรพากร -งาน -อสังหาริมทรัพย์
เป็นต้น
      

2 .การใช้คำสำคัญ (Keywords) มากกว่า 1 คำ จะทำให้ผลลัพธ์การค้นหาจำเพาะเจาะจงยิ่งขึ้น ได้ผลตรงความต้องการของผู้ใช้ยิ่งขึ้น นั่นคือ ถ้าหากผู้ใช้ยิ่งระบุคำสำคัญมากเท่าใด ก็ยิ่งทำให้ผลลัพธ์จากการค้นหามีประสิทธิภาพ และตอบสนองความต้องการผู้ใช้มากขึ้นเท่านั้น โดยอันดับการวางตำแหน่งของคำสำคัญก่อนหลัง จะไม่มีผลแตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น +ภาษี -ซ้ำซ้อน กับ -ซ้ำซ้อน +ภาษี จะได้ผลลัพธ์ที่ตรงกัน

      

      
3 .โดยปกติ Basic Search จะถือว่า การระบุคำสำคัญมากกว่า 1 คำ โดยไม่กำกับเครื่องหมายบูลีนตามที่ได้กล่าวมาแล้วในข้างต้น หมายถึง หรือ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ใช้ระบุ ภาษี ซ้ำซ้อน หมายถึงการสั่งให้ค้นหาเอกสารที่มีคำว่าภาษีหรือซ้ำซ้อน คำใดคำหนึ่ง หรือ ทั้งสองคำ
4 .หากผู้ใช้งาน Basic Search แล้วไม่พบเอกสารตามที่ระบุในช่อง search box อาจเนื่องมาจากหลายกรณีเช่น

      
  • ใช้งาน Basic Search ไม่ถูกต้องตามเงื่อนไขที่กำหนด ให้ผู้ใช้งานพิจารณาการใช้งานอีกครั้ง หรือ ทำความเข้าใจวิธีใช้งานให้ถูกต้องเสียก่อน โดยการอ่านคู่มือการใช้งาน Basic Search
  • ไม่พบเอกสารที่ระบุจริงๆ เนื่องจากไม่มีฐานข้อมูล                                                                                                                                                                                                                                                                                                                       ที่มา   http://www.rd.go.th/brs/help.html   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น